Saturday, March 27, 2010

Content Aware Fill

Yesterday, I was very impressed and amazed by the video showing the Content Aware Fill feature in the upcoming version of Photoshop. I was wondering what kind of algorithm made that feature possible. Today, I stumbled on a blog post showing that this feature has been available for the Gimp (an open source image editor) for some time. The image processing plugin is called Resynthesizer. Resynthesizer is described in Paul Harrison's Ph.D. thesis.



A few other interesting algorithms for content aware editing can be found here.

Thursday, March 25, 2010

เมื่อ(คอมพิวเตอร์)กรมสรรพากรคิดว่าผมเป็นผู้หญิง

ผมเริ่มยื่นแบบภาษีเงินได้ภ.ง.ด. 90 เมื่อวันที่ 8 มีนาครับ

เริ่มต้นก็เข้าไปที่หน้าแรกที่ http://rdserver.rd.go.th/publish/page01_pnd901.htm และไม่ลืมบทเรียนจากปีที่แล้ว ก็เลยใช้ Internet Explorer บน Windows XP กรอกครับ

เข้าไปหน้าแรกก็เจอปัญหาเลย ผมต้องกรอกว่าผมสมรสแล้ว และต้องกรอกข้อมูลของคู่สมรส และก็แล้วต้องเลือกประเภทเงินได้ของภรรยา ปรากฎว่าเลือกไม่ได้ครับ มีตัวเลือกอยู่ 5 ตัวเลือกคือ 1 มีเงินได้แต่ (แต่งไม่ถึงปี, หย่า, ตาย) 2 มีเงินได้รวมคำนวณภาษี 3 มีเงินได้แยกคำนวณภาษี 4 มีเงินได้แยกยื่นแบบฯ และ 5 ไม่มีเงินได้ ผมต้องการเลือกข้อ 4 แต่ระบบจะไม่ให้ผมเลือก มีคำเตือนบอกมาว่า:

"M160: ไม่สามารถยื่นแบบได้ เนื่องจากกรณีที่สามีและภรรยาอยู่ร่วมกันตลอดปีที่ล่วงมาให้ถื่อเอาเงินได้ตามมาตรา 40(2)-(8) ของภรรยาเป็นเงินได้ของสามี ตามมาตรา 57 ตรี ประกอบกับมาตรา 57 เบญจ"

(อูย อะไรเนี่ย มาตรา 57 ตรีกับเบญจ)

ผมไม่ได้เลือกข้อ 1 เพราะภรรยาผมยังมีชีวิตและแต่งงานกับผมมาหลายปีแล้ว ผมทดลองเลือกข้อ 2, 3 ดูก็มีคำเตือนเดียวกัน และผมเข้าไปไม่ได้ ทางเดียวที่ผมจะผ่านเข้าไปกรอกข้อมูลได้คือผมต้องเลือกข้อ 5 ที่ว่าภรรยาไม่มีเงินได้ ซึ่งก็ไม่ตรงกับความจริง ผมก็เลยค่อยๆดูว่าทำอะไรผิดหรือเปล่า

ปรากฎว่าชื่อผมในแบบฟอร์มที่ระบบตั้งไว้ให้คือ "นาง" พงศกร ผมสงสัยว่าโปรแกรมจะคิดว่าผมเป็นผู้หญิงเลยคิดว่าผมต้องรวมเงินได้ตามมาตรา 40(2)-(8) ของผมกับคู่สมรส ตามมาตรา 57 (ที่ผมไปหาอ่านดู) ที่ว่าผู้หญิงที่สมรส จะกรอกภ.ง.ด. 90ได้ ก็ต่อเมื่อสามีตาย หย่า แต่งไม่ครบปี หรือไม่มีเงินได้

ผมทำการเปลี่ยนชื่อผ่านระบบให้เป็น "นาย" พงศกร แล้วลองกรอกใหม่ แต่ก็ยังไม่สามารถกรอกได้ ภรรยาผมเลยโทรเข้าไปหา สรรพากร Call Center (0-2272-8000) แล้วเล่าอาการให้เขาฟัง เขาก็รับเรื่องไปและบอกว่าจะติดต่อกลับ

ผมรอประมาณ 1 สัปดาห์และลองเข้าไปล็อกอินตลอด แต่ก็ยังเข้าไม่ได้อยู่ดี แม้ว่าชื่อผมจะเป็นนายพงศกรแล้วก็ตาม

ในครั้งสุดท้ายที่ผมเข้าไป ผมไปเห็นลิงค์ให้ สอบถามปัญหา แนะนำ ร้องเรียนเข้า ผมก็เลยพิมพ์เรื่องของผมใส่เข้าไปในฟอร์ม แบบฟอร์มบอกว่าจะติดตามแก้ปัญหาในสามวัน ผมใส่เรื่องของผมไปในวันที่ 15 มีนา

วันที่ 19 ผมก็ลองเข้าไปกรอกภ.ง.ด. 90 อีกแต่ก็ยังไม่ได้เหมือนเดิม ลองเข้าไปดูสถานะของปัญหาของผม ก็พบว่าสถานะบอกว่าได้รับการแก้ไขแล้ว ผมก็เริ่มเป็นกังวล เพราะถ้าคนแก้คิดว่าไม่มีปัญหา ก็คงไม่มีการติดตามต่อแน่ๆ ผมก็เลยเข้าไปกรอกปัญหาของผมอีกครั้งในวันที่ 19 และหาแผนสำรองว่าถ้ากรอกไม่ได้ในสัปดาห์ต่อไป ผมคงต้องกรอกในกระดาษแล้วไปยื่น แต่ก็คิดหวั่นๆว่าแล้วถ้าคนในกรมสรรพากรเขาเอากระดาษผมไปกรอกใส่คอมพิวเตอร์แล้วมันไม่ยอมจะทำไงต่อไป ผมจะได้ภาษีคืนหรือเปล่า หรือผมควรจะกรอกผ่านอินเตอเน็ทแต่เลือกว่าคู่สมรสไม่มีรายได้ แล้วไปใส่ข้อมูลในลิงค์ปัญหาว่าผมต้องกรอกไปอย่างนั้นเพราะระบบไม่ยอมให้ผมกรอกอย่างอื่น

มาถึงวันพุธที่ 24 ผมก็ยังเข้ายื่นไม่ได้อยู่ดี ภรรยาโทรไป Call Center อีก ผู้รับสายก็บอกว่าสงสัยข้อมูลเพศในฐานข้อมูลไม่ถูกเปลี่ยนแม้คำนำหน้าชื่อจะเปลี่ยนไปแล้ว บอกให้ผมรอจนถึงวันศุกร์แล้วลองใหม่

เช้าวันพฤหัสที่ 25 ผู้ติดตามปัญหาก็โทรมาหาผมว่าให้เข้าไปยื่นแบบใหม่เพราะแก้ไขปัญหาให้แล้ว ผมลองแล้วและเข้าไปกรอกได้สมบูรณ์ถึงหน้าสุดท้าย ก็เห็นช่องว่างเหมือนให้ผมกรอกวันที่ ผมก็พยายามเข้าไปพิมพ์ แต่พิมพ์ไม่ได้ เลยกดลบ หน้าเว็บก็กลับไปหน้าที่ไม่มีข้อมูล ผมเลยต้องเริ่มต้นกรอกทุกอย่างใหม่อีกครั้ง แต่ผมทำเป็นครั้งที่ 5 แล้วเลยคล่องมากๆ และกรอกได้สำเร็จในที่สุด

ข้อสังเกตและสรุปก็คือ

1. การยื่นแบบภ.ง.ด. 90 ยังต้องใช้ Internet Explorer อยู่ เบราเซอร์อื่นอาจมีปัญหา ผมรู้ว่า Safari ใช้ไม่ได้แน่ๆ แต่ไม่ได้ลอง Firefox

2. ระบบน่าจะมีช่องทางให้ตรวจสอบ หรือเปลี่ยนเพศของผู้ยื่นแบบในกรณีที่ข้อมูลผิด ให้ใช้ได้ง่ายขึ้น

3. ส่วนวันที่ในหน้าสุดท้ายควรจะเปลี่ยนรูปแบบให้ผู้ใช้เดาได้ว่าไม่ควร/ไม่ต้องไปกรอกวันที่ เพราะระบบจะทำให้อยู่แล้ว

4. ระบบน่าจะมีการเซฟข้อมูลขณะกรอกได้ ถ้ามีข้อผิดพลาด (เช่นกดปุ่ม Back หรือ คอมพิวเตอร์แฮง) จะได้ไม่ต้องทำใหม่ทั้งหมด

ผมบันทึกไว้เผื่อจะมีใครมีปัญหาเหมือนๆกัน และเผื่อกรมสรรพากรจะปรับปรุงระบบขึ้นอีกในอนาคต ผมพอใจโดยรวมในเรื่องที่กรมสรรพากรพยายามแก้และติดตามปัญหาให้ผมอย่างไม่ชักช้าครับ

Tuesday, March 16, 2010

กดขี่แรงงานเด็ก


ระหว่างขับรถกลับบ้าน แม่อ้อก็ถามธีธัชและธีญาว่าพรุ่งนี้กลางวันจะไปกินข้าวที่ไหนหลังจากเรียนแบดมินตันและว่ายน้ำแล้ว

ธีธัช: ไปร้านสีน้ำเงินกันดีกว่า

แม่อ้อ: ร้านเซ็นหรือลูก

ธีธัช: ไม่ใช่

แม่อ้อ: โอโตย่าเหรอ

ธีธัช: ใช่ ใช่

พ่อโก้: เราต้องประหยัดเงินหน่อยลูก กินบ่อยๆไม่ได้

แม่อ้อ: ใช่ ไว้ไปกินในโควต้าเดือนหน้าก็แล้วกัน

ธีธัช: หูย เดือนหน้า

พ่อโก้: เอางี้ดีกว่า ป่าป๊าให้ธีธัชทำงาน แล้วป่าป๊าจ่ายเงินให้ธีธัชเก็บไปกินโอโตย่าก็แล้วกัน

ธีธัช: โอเค

พ่อโก้: ธีธัชล้างรถป่าป๊าแล้วจะได้ 20 บาท

ธีธัช: โอเค

แม่อ้อ: ธีธัชรู้ไหมว่าต้องล้างรถกี่ครั้งถึงจะพอ

ธีธัช: ไม่รู้ครับ

แม่อ้อ: ต้องล้าง 8 ทีถึงจะได้อุด้งหนึ่งชาม ไม่รวมมันฝรั่งบดด้วยนะ

ธีธัช เริ่มลังเล และถามว่ากินที่ไหนได้อีก

พ่อโก้: เอางี้ ให้ 25 บาทเลย

แม่อ้อ: ถ้ากินร้านน้องเทียน (อาหารตามสั่งข้างๆ office) ล้างครั้งสองครั้งก็ได้กินแล้ว และร้านเส้นกรอบๆ (ก๋วยเตี๋ยววุ้นเส้นหมูตำลึงที่บางขุนนนท์) ล้างครั้งเดียวก็ได้กินแล้ว

ธีธัช: โอเค เดี๋ยวกินร้านเส้นกรอบๆก็แล้วกัน

ธัชธีญาขอแจมมั่ง: ล้างเช้ากลางวันเย็นเลย

ธีธัช: ป่าป๊ารู้ไหมถ้าล้างสองคันจะได้ 40 บาท

Monday, March 15, 2010

บทความแนะนำ (อีกแล้ว): "“ทักษิณ” คือต้นเหตุและปลายเหตุของวิกฤติความขัดแย้ง"

หลังจากผมได้ดูโฟนอินของนักโทษชายทักษิณเมื่อคืนแล้ว ผมก็อึ้ง ไม่รู้จะด่าว่านายคนนี้อย่างไรอีก ความสามารถทางภาษาของผมถึงทางตัน คนอะไรช่างหน้าด้านและเลวร้ายใจดำอะไรเช่นนี้ หลอกลวงชาวบ้านให้มาลำบากเพื่อมหาเศรษฐี ทำลายประเทศไทย เพียงเพื่อให้ตัวเองพ้นผิด โทษทุกอย่างยกเว้นความชั่วและความความโง่ของตัวเอง

สำหรับโฟนอินนี้ ผมก็ได้แต่เพียงยกบทกวี ที่ผมไม่ทราบชื่อผู้แต่ง มาเผยแพร่:

ไม่มีอำนาจใดในโลกหล้า
ตัวจัญไรต่างมาแล้วสาบสูญ
แต่คนโง่กลับคิดว่าน่าเทิดทูน
ลิงบาบูนก็ยังโง่นิรันดร์ไป
ทรราชถูกขับไล่เพราะอัปรีย์
ประชาชนจึงได้มีชีวิตใหม่
เมื่อท้องฟ้าสีทองผ่องอำไพ
ตัวจัญไรจึงต้องหนีไปโฟนอิน

ที่น่าหัวเราะก๊ากดังๆก็คือนายทักษิณมาบอกชาวบ้านว่าเดินทางออกจากดูไบ (คาดว่าถูกไล่เพราะเขารับเป็นฐานทัพโจมตีประเทศไทยไม่ไหว) เพื่อไปเยี่ยมลูกสาวที่เยอรมัน แต่ก็ถูกทูตเยอรมันแถลงการณ์ทันทีว่าเยอรมันไม่ให้ทักษิณเข้าประเทศตั้งแต่ปี 52 และถ้าลักลอบเข้าไป ก็จะถูกจับ

อ้อ เกือบลืมว่าจะเขียนเกี่ยวกับบทความแนะนำ บทความนี้เขียนโดยอาจารย์เจิมศักดิ์ ปิ่นทองครับ แสดงให้เห็นว่าการที่มีคนมาพูดว่าทักษิณเป็นเหยื่อ เป็นผลลัพท์ของโครงสร้างที่ไม่เป็นธรรมนั้น เป็นความคิดที่ผิดและไม่สมบูรณ์อย่างไร และทำไมทักษิณเป็นเหตุของปัญหา ไม่ใช่เพียงปลายเหตุ หรือถูกรังแกเหมือนนางเอกละคร

ตัดเอามาบางส่วนครับ:

"การวิเคราะห์ความขัดแย้งที่เกิดจากชนชั้น แล้วเอา “ทักษิณ” เป็นสัญลักษณ์ของการต่อสู้ของ “คนจนและชนชั้นล่าง” จึงเป็นการสร้างภาพลวงตา!

ทั้งลวงสังคม และลวงผู้วิเคราะห์เอง!

พฤติกรรมแบบ “ทักษิณ” จึงควรได้รับการใส่ใจที่จะขจัดให้หมดไป และไม่ให้เกิดขึ้นอีกในสังคมไทย

นักต่อสู้เพื่อคนยากจน เพื่ออุดมการณ์แห่งความทัดเทียม ควรจะรังเกียจที่จะเข้าร่วมกับสมุนของทักษิณที่มุ่งจะรักษาผลประโยชน์ให้ “นาย” เพื่อแลกเปลี่ยนบุญคุณ ตอบแทนบุญคุณ “นาย”

หากมองตามความจริงในบริบทของระบบอุปถัมภ์ “ทักษิณ” ก็คือ “มหาอำมาตย์” ที่แย่งชิงอำนาจและผลประโยชน์!

จะแก้ปัญหาความแตกต่างของสังคม แก้ปัญหาความขัดแย้ง จึงแก้ไม่ได้ ถ้าจะมุ่ง “แก้ตัวให้ทักษิณ” ซึ่งเป็นนายทุนผู้หากินกับโครงสร้างที่ไม่เป็นธรรมมาโดยตลอด

แก้ไม่ได้ ถ้าจะร่วมมือกับระบอบทักษิณ

แต่จะต้องยืนอยู่บนข้อเท็จจริง ที่ปรากฏชัดเจนเป็นลำดับ ถึงความชั่วร้ายที่ระบอบทักษิณได้กระทำกับประเทศไทย โดยเฉพาะที่ได้โกงกิน กอบโกยเข้ากระเป๋าตัวเอง บิดเบือนใส่ร้ายระบบศาลยุติธรรมของประเทศ

ดังนั้น จึงต้องขจัดระบอบทักษิณออกจากสังคมไทย และค่อยๆ ต่อรอง ถ่วงดุล เพื่อเปลี่ยนแปลงโครงสร้างอันไม่เป็นธรรมกันต่อไป"

Wednesday, March 03, 2010

รัฐมนตรีคลังแบบนี้ค่อยน่าจ่ายภาษีหน่อย

ได้อ่านที่ คุณกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังแสดงความเห็นเรื่องการยึดทรัพย์นักโทษชายหนีคดีทักษิณไว้ที่ Facebook ผมก็รู้สึกว่ารัฐมนตรีมันต้องได้อย่างนี้สิถึงจะคุ้มกับตำแหน่ง อำนาจและเงินเดือนที่ประชาชนเสียภาษีให้ ไม่ใช่รัฐมนตรีสากกระเบือที่นั่งคอยกินสินบนเหมือนคนอื่นๆ งานการไม่ทำ หรือทำก็แต่เรื่องโง่ๆ

บทคัดย่อนะครับ (ตัวเต็มอ่านที่ลิงค์):

"ผมนึกย้อนกลับไปช่วงปี ‘49 นั้นทักษิณ อ้อ โอ๊ค เอม ทุกคนออกมา โกหก ครั้งแล้วครั้งเล่าว่าไม่ได้ซุกแต่สุดท้ายก็ต้องจำนนต่อหลักฐาน

แต่ย้อนกลับมาที่ประเด็นสำคัญคือถ้าไม่ปฏิวัติจะได้เห็นคำพิพากษานี้ไหม และทำไม สังคมไทยจึงกลับไม่สามารถ มีความยุติธรรมได้โดยไม่ต้องอาศัยอำนาจเผด็จการ แสดงว่าบางครั้งเผด็จการให้ความสำคัญกับความถูกต้องมากกว่า ระบอบประชาธิปไตยหรือ?

ก็คงเป็นเพราะคนไทยจำนวนมาก จริงๆ แล้วไม่ให้ความสำคัญกับความถูกต้อง ขอให้ค้าขายได้ อยู่ดีกินดี ใครจะทำอะไรก็ช่าง แล้วความคิดเช่นนี้ผิดหรือ? ใครๆ ก็รู้ว่าความถูกต้องหรือความยุติธรรมเป็นสิ่งที่กินไม่ได้ จับต้องไม่ได้ หรือเป็นเพราะคนที่มีอันจะกินเท่านั้นที่มีเวลามาคิดเรื่องความยุติธรรม ในขณะที่คนจนเขาต้องปากกัดตีนทีบเพื่อเลี้ยงดูครอบครัวและไม่มีเวล่ำเวลามาคิดมากับเรื่องราวเหล่านี้

และเมื่อคนส่วนใหญ่ยังยากจน และเสียงส่วนใหญ่เป็นเสียงสวรรค์ในระบอบประชาธิปไตย คำตอบสุดท้ายจึงเป็นเช่นนี้ ก็คือเป็นว่า “เราไม่แคร์”

ก็อาจจะเป็นเช่นนั้น แต่ก็อีกหล่ะครับ คนที่ “ไม่แคร์” มีตั้งเยอะที่เป็นพ่อค้าและคนร่ำรวย เอาเข้าจริงทุกคนก็จะพูดว่าต้องการเห็นความถูกต้อง แต่น้อยคนที่พร้อมจะเสียสละโอกาสของตนเอง เพื่อความถูกต้อง

ถ้าทุกคนทำตามหน้าที่ ความยุติธรรมก็จะปรากฏเสมอโดยไม่ต้องมีคนมายัดเยียดให้กับเรา ด้วยการปฏิวัติหรืออื่นๆ เราทำเองได้ แต่เราไม่ทำ "