ผมประหยัดน้ำมันได้ประมาณ 15% จากการขับระมัดระวังขึ้นครับ ถ้าสนใจการประหยัดมีคนที่ทำวิธีแปลกๆที่ได้ผลยิ่งขึ้นไปอีกครับ
ผมพบว่าน้ำมันของ Caltex กับ Esso วิ่งได้ไกลกว่าอันอื่นครับ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร อาจจะเป็นการเก็บน้ำมันก็ได้ ไม่รู้เหตุผลแน่นอนครับ ยังไงถ้าใครทำการทดลองอื่นๆอีกมาแบ่งปันข้อมูลกันก็ได้นะครับ
--- - ---- - ----- ---------
12 มีนาคม 2550
สวัสดีครับ
ผมส่งเรื่องราวของผมมาให้พิจารณาครับ ผมได้ทำการทดลองและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการขับมาได้สองปีแล้ว
เครื่องรถของผมมีขนาด 2,800 cc และตัวรถก็ค่อนข้างหนัก เมื่อก่อนผมมีนิสัยการขับแบบไม่คำนึงถึงความประหยัดเท่าไรนัก จนกระทั่งเวลาสองปีที่ผ่านมาที่ราคาน้ำมันเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ผมจึงพยายามเปลี่ยนวิธีขับรถให้เป็นวิธีที่ประหยัดมากขึ้น รวมถึงได้ทดลองใช้น้ำมันยี่ห้อต่างๆที่มีขายอยู่ ผมทำการคำนวณระยะทางเป็นกิโลเมตรต่อน้ำมันหนึ่งลิตรในทุกครั้งที่ผมเติมน้ำมัน ใช้เวลาทดลองอยู่ประมาณ 8 เดือน ผลก็คือผมพบว่ามีความแตกต่างที่วัดได้เมื่อผมปรับปรุงพฤติกรรมการขับของผม หลังจากทำการทดลองเสร็จผมก็ใช้น้ำมันเบนซิน 95 คาลเท็กซ์ +Techron ตั้งแต่นั้นมา
ผมขับรถโดยคำนึงถึงความประหยัดดังนี้ครับ
12 มีนาคม 2550
สวัสดีครับ
ผมส่งเรื่องราวของผมมาให้พิจารณาครับ ผมได้ทำการทดลองและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการขับมาได้สองปีแล้ว
เครื่องรถของผมมีขนาด 2,800 cc และตัวรถก็ค่อนข้างหนัก เมื่อก่อนผมมีนิสัยการขับแบบไม่คำนึงถึงความประหยัดเท่าไรนัก จนกระทั่งเวลาสองปีที่ผ่านมาที่ราคาน้ำมันเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ผมจึงพยายามเปลี่ยนวิธีขับรถให้เป็นวิธีที่ประหยัดมากขึ้น รวมถึงได้ทดลองใช้น้ำมันยี่ห้อต่างๆที่มีขายอยู่ ผมทำการคำนวณระยะทางเป็นกิโลเมตรต่อน้ำมันหนึ่งลิตรในทุกครั้งที่ผมเติมน้ำมัน ใช้เวลาทดลองอยู่ประมาณ 8 เดือน ผลก็คือผมพบว่ามีความแตกต่างที่วัดได้เมื่อผมปรับปรุงพฤติกรรมการขับของผม หลังจากทำการทดลองเสร็จผมก็ใช้น้ำมันเบนซิน 95 คาลเท็กซ์ +Techron ตั้งแต่นั้นมา
ผมขับรถโดยคำนึงถึงความประหยัดดังนี้ครับ
1. ไม่เร่งเครื่องแรงๆโดยไม่จำเป็น
2. วางแผนชะลอความเร็ว จะได้ไม่ต้องเบรกกระชั้นชิด และไม่ต้องเร่งเครื่องเกินความจำเป็นแล้วก็ต้องรีบหยุด
3. รักษาความเร็วเฉลี่ยไว้ไม่เกิน 90-100 กม/ชม. ผมพบว่าที่ความเร็วระหว่าง 90-140 กม/ชม. การสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงจะแปรผันตรงกับความเร็ว เช่นขับรถที่ 120 กม/ชม. จะสิ้นเปลืองกว่าที่ 100 กม/ชม. ประมาณ 20% เมื่อขับถึงจุดหมายเดียวกัน (เพราะ 120 กม/ชม. มากกว่า 100 กม/ชม. อยู่ 20% จึงสิ้นเปลืองกว่าประมาณ 20%)
4. วางแผนเส้นทางเดินทาง และเวลาการเดินทางเพื่อลดการจราจรติดขัด และเวลาที่จอดรถเผาน้ำมันไปเปล่าๆ
5. ใช้น้ำมันเบนซิน 95 คาลเท็กซ์ +Techron หลังจากได้เปรียบเทียบกับน้ำมันยี่ห้อต่างๆแล้ว ผมพบว่าน้ำมันของคาลเท็กซ์ดีกว่าบางยี่ห้ออย่างเห็นได้ชัด (วัดจากจำนวนกิโลเมตรต่อน้ำมันหนึ่งลิตร) รวมถึงเสียงเครื่องยนต์ก็เรียบทำให้น่าเชื่อว่าการทำงานของเครื่องยนต์คงจะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ผมพบว่าการขับรถโดยคำนึงถึงความประหยัดดังกล่าว ทำให้สามารถประหยัดน้ำมันในการขับทั่วไปจาก 8.2 ± 0.2 กิโลเมตรต่อลิตร กลายเป็น 9.4 ± 0.2 กิโลเมตรต่อลิตร หรือประหยัดได้ประมาณ 15% อย่างง่ายๆเลยทีเดียว ขณะที่เวลาที่ใช้ในการเดินทางก็เท่าเดิม เนื่องจากความเร็วเฉลี่ยเท่าเดิม แต่ประหยัดเงินและทรัพยากรได้ชัดเจน อีกทั้งยังมีความปลอดภัยจากความเร็วที่ไม่สูงเกินไป และไม่ลำบากในการปฏิบัติแต่อย่างใด (ผมตรวจสภาพรถ เครื่องยนต์ และลมยางให้อยู่ในสภาพปกติเสมอ เลยไม่ได้ทดลองเปรียบเทียบการใช้น้ำมันเวลาสภาพรถผิดปกติ)
ขอแสดงความนับถีอครับ
ดร. พงศกร สายเพ็ชร์
2. วางแผนชะลอความเร็ว จะได้ไม่ต้องเบรกกระชั้นชิด และไม่ต้องเร่งเครื่องเกินความจำเป็นแล้วก็ต้องรีบหยุด
3. รักษาความเร็วเฉลี่ยไว้ไม่เกิน 90-100 กม/ชม. ผมพบว่าที่ความเร็วระหว่าง 90-140 กม/ชม. การสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงจะแปรผันตรงกับความเร็ว เช่นขับรถที่ 120 กม/ชม. จะสิ้นเปลืองกว่าที่ 100 กม/ชม. ประมาณ 20% เมื่อขับถึงจุดหมายเดียวกัน (เพราะ 120 กม/ชม. มากกว่า 100 กม/ชม. อยู่ 20% จึงสิ้นเปลืองกว่าประมาณ 20%)
4. วางแผนเส้นทางเดินทาง และเวลาการเดินทางเพื่อลดการจราจรติดขัด และเวลาที่จอดรถเผาน้ำมันไปเปล่าๆ
5. ใช้น้ำมันเบนซิน 95 คาลเท็กซ์ +Techron หลังจากได้เปรียบเทียบกับน้ำมันยี่ห้อต่างๆแล้ว ผมพบว่าน้ำมันของคาลเท็กซ์ดีกว่าบางยี่ห้ออย่างเห็นได้ชัด (วัดจากจำนวนกิโลเมตรต่อน้ำมันหนึ่งลิตร) รวมถึงเสียงเครื่องยนต์ก็เรียบทำให้น่าเชื่อว่าการทำงานของเครื่องยนต์คงจะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ผมพบว่าการขับรถโดยคำนึงถึงความประหยัดดังกล่าว ทำให้สามารถประหยัดน้ำมันในการขับทั่วไปจาก 8.2 ± 0.2 กิโลเมตรต่อลิตร กลายเป็น 9.4 ± 0.2 กิโลเมตรต่อลิตร หรือประหยัดได้ประมาณ 15% อย่างง่ายๆเลยทีเดียว ขณะที่เวลาที่ใช้ในการเดินทางก็เท่าเดิม เนื่องจากความเร็วเฉลี่ยเท่าเดิม แต่ประหยัดเงินและทรัพยากรได้ชัดเจน อีกทั้งยังมีความปลอดภัยจากความเร็วที่ไม่สูงเกินไป และไม่ลำบากในการปฏิบัติแต่อย่างใด (ผมตรวจสภาพรถ เครื่องยนต์ และลมยางให้อยู่ในสภาพปกติเสมอ เลยไม่ได้ทดลองเปรียบเทียบการใช้น้ำมันเวลาสภาพรถผิดปกติ)
ขอแสดงความนับถีอครับ
ดร. พงศกร สายเพ็ชร์
No comments:
Post a Comment