Saturday, September 15, 2007

ทำไมการดูชะตาชีวิตด้วยวันเดือนปีเกิดจึงไม่น่าจะทำได้

ย้ายไป http://witpoko.com/?p=497 แล้วครับ

7 comments:

Unknown said...

ผมก็เคยคิดอย่างนี้เหมือนกัน ไปอ่านเจอเหมือนกันครับว่ามีการทดลองที่ "ให้นักโหราศาสตร์ออกแบบการทดลอง" เพื่อป้องกันให้มีการผิดพลาดตามที่เขาอ้างอิงมากที่สุด

แต่ผลออกมาก็คือ นักโหราศาสตร์เหล่านั้นไม่สามารถทำนายได้จริง lol

แม้ผลจะออกมาอย่างนั้นนักโหราศาสตร์เหล่านั้นก็ยังไม่เชื่อในผล
เหล่านั้นและเถียงว่าตนเองถูกอยู่ดี...เฮ้อ

ปล. ไม่ทราบว่าอาจารย์ได้อ่านเรื่องของ dr. เทพพนม เมืองแมน รึเปล่าครับ? อยากทราบความเห็นของอาจารย์ในเรื่องนั้นบ้าง เพราะสำหรับผมแล้วผมคิดว่ามันโมเมสิ้นดีเลย = =; ไม่มีหลักฐานหรือ proof จริงๆซักอย่าง

Ko Saipetch said...

I don't think Dr. Thepanom's "proofs" or "evidences" are convincing. The word delusional comes to mind :-)

Thep said...

ตามมาอ่านจาก foosci ครับ

เป็นข้อสังเกตที่แหลมคมมากครับ ลักษณะของฟังก์ชันพยากรณ์ทั้งหลาย ดูจะเป็น chaotic function คือจะไวต่อการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขตั้งต้นมาก ทราบมาว่าโมเดลคณิตศาสตร์สำหรับพยากรณ์อากาศก็เป็น chaotic เหมือนกัน จนทำให้ไม่สามารถพยากรณ์ล่วงหน้านาน ๆ ด้วยคอมพิวเตอร์ได้เลย เพราะยังไงเสีย floating point ในคอมพิวเตอร์ก็มีนัยสำคัญจำกัด iterate ไประยะหนึ่งก็จะเริ่ม divert แล้ว ขอบเขตการพยากรณ์จึงมีขีดจำกัด

สำหรับชะตาชีวิต ผมไม่คิดว่าวันเดือนปีเกิดจะเป็น factor ที่เพียงพอ ต้องไล่ไปถึงพันธุกรรมที่ได้รับถ่ายทอดจากพ่อแม่ การอบรมเลี้ยงดู ฝาแฝดที่เกิดมาเกือบจะพร้อมกันนั้น ก็ไม่ได้เท่าเทียมกัน ยังมีการนับแฝดพี่แฝดน้องให้เหลื่อมล้ำกันอยู่ การยกย่องบทบาทบางอย่างของแฝดแต่ละคนจากคนในครอบครัว ก็เป็นการปลูกฝังนิสัยที่ต่างกัน ยิ่งอายุมากขึ้น ประสบการณ์ชีวิตที่ต่างกันก็จะทำให้แฝดค่อย ๆ ต่างกันมากขึ้นเรื่อย ๆ

แต่ผมก็ไม่เคยเอามาโยงกับเรื่องการพยากรณ์ชีวิตมาก่อน ขอบคุณที่ช่วยเคาะกระโหลกครับ :-)

Ko Saipetch said...

ดีใจที่คุณ Thep ชอบครับ :-)

นายต้มยำ said...

การพยายามอธิบายญาติผู้ใหญ่ให้เข้าใจเรื่องพวกนี้ แทบเป็นไปไม่ได้เพราะจะต้องมีการใช้อารมณ์เข้ามากวนตรรกะที่สื่อสารยากอยู่แล้วให้ยากเข้าไปอีก จนคนอธิบายเองหงุดหงิดล่มกลางครัน(ไม่มีความเชื่อถือคนใกล้ตัว แต่ไปเชื่อใครก็ไม่รู้ที่ไม่เคยรู้กำพืดที่แท้จริงพูดสองคำก็เชื่อแล้ว...) อยากจะบอกว่าคนรอบตัวอีกมากยังงมงายเชื่อคนง่าย โดยเฉพาะเห็นใครใส่ผ้าเหลืองแล้วเป็นต้องยกมือไหว้ไปเสียหมด ไม่มีสติ หรือที่มีสติก็ต้องหลิ่วตาตาม เพื่อความปรองดองของคนในครอบครัว ...สาธุ ยินดียิ่งที่ยังพบว่ามีคนที่ยังเชื่อมั่นในวิทยาศาสตร์อยู่ที่นี่ครับ

wrrsound said...

what's "cold reading" in thai?
or is there no concept like that in our language?

also, in buddhist texts, talented meditators can attain psychic abilities

assuming that whatever is said in buddhist texts is true, how would we distinguish between the mortal, earthly, sub- or conscious kind of knowing versus genuine insight? are they actually the same stuff?

i've also read somewhere that the clairvoyants in thailand are "pre-concious" people, meaning they have a raw glimpse of something but not the totality of it, while the buddha is "super-conscious", meaning he's gone above all that

Ko Saipetch said...

wrrsound, I'm not sure what cold-reading is called in Thai, but many fortune tellers in Thailand use the technique. They would talk to their client, probing for information in nonobvious ways then spit out the info back to the client in a convincing manner.

I don't know of any tests done on psychic abilities of meditators. The meditator can certainly change their body's response such as heart rates and brain wave patterns, but I don't know of any psychic ability.

My opinion is that if we suspect someone is clairvoyant (or has special ability), we should test whether the ability is real, performing much better than chance or not.

I would be happy to find a real psychic ability because it would be very interesting, but so far people who claim they have it cannot produce a good performance under control conditions designed by magicians and scientists.