Tuesday, July 25, 2006

Existence Theorem

(ก่อนอื่น ขอขอบคุณเพื่อนเฮ้งที่ส่งบทความดีๆมาให้อ่าน)

นักคณิตศาสตร์/นักวิทยาศาสตร์ เรียกการพิสูจน์ที่แสดงความเป็นไปได้ของปรากฏการณ์อันหนึ่งอันใดว่า Existence Theorem

เหตุการณ์ในญี่ปุ่นที่คัดลอกมาจากบทความของคุณอุดร ตันติสุนทร และในเกาหลีเมื่อ 10 ปีที่แล้ว เป็น "Existence Theorem" ของการเมืองที่ไม่จัญไร ไม่ทำลายชาติ

เราต้องฝันก่อนว่า การเมือง "อจัญไร" นั้นเป็นไปได้ เราถึงจะมีโอกาสที่จะมีสิ่งนั้น

ถ้ามัวแต่บ่นว่านักการเมืองคนไหนก็เลวไปหมดแล้วก็หมดกำลังใจ ไม่ทำอะไร ตอนลูกเราแก่เท่าเราก็ต้องมาบ่นเหมือนเดิม แต่จะลำบากกว่าเราอย่างแสนสาหัส

อย่าลืมว่าเราเปลี่ยนธรรมชาติแต่ละคนไม่ค่อยจะได้ แต่ทำให้ต้นทุนในการทำชั่วสูงพอที่จะไม่คุ้มที่จะทำชั่วได้ (โอกาสถูกจับ x ความแรงของการลงโทษ > ผลตอบแทนในการทำชั่ว)

โครงการนี้อาจใช้เวลานับสิบปี แต่เป็นสิ่งที่ต้องทำ ไม่งั้นประเทศชาติจะตาย อาจจะยังมีชื่ออยู่ แต่ลักษณะความเป็นอยู่ของประชาชาชนจะเลวร้ายกว่านี้อีกมาก

เรามี Existence Theorem ของประเทศที่เหมือนนรก (เมื่อเทียบกับประเทศไทย)มากมาย

เราต้องเรียนรู้จากประวัติศาสตร์บ้าง

---
ญี่ปุ่นปฏิรูปการเมือง โดย ปฏิรูปนักการเมือง สำเร็จแล้ว
โดย อุดร ตันติสุนทร

แต่ก่อนนี้ นักการเมืองญี่ปุ่นหาคะแนนนิยมจากราษฎร โดยวิธีแจกเงิน แจกของ ของขวัญวันเกิด วันแต่งงานแจกหมด เมื่อได้รับเลือกตั้งแล้ว ก็ถอนทุน โดยได้รับสัมปทานต่างๆ จากนายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นหัวหน้าพรรค เป็นเช่นนี้มานาน จนเป็นประเพณี


นักวิชาการต่างพากันอ่อนใจ ไม่รู้จะแก้ไขอย่างไร

ต่อมานายกรัฐมนตรีทานากะ ซึ่งมีบริษัทรับเหมาก่อสร้าง 12 บริษัท รวยอยู่แล้ว ถูกจับเพราะกินเปอร์เซ็นต์ของบริษัท ล๊อคฮีท ในการอนุมัติซื้อเครื่องบิน Lockhead L1011 เงินเปอร์เซ็นต์ 1.8 ล้านดอลลาร์ ขณะเดียวกัน นายเฮนรี่ คิสซิงเกอร์ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐอเมริกา ก็วิ่งเต้นกรรมาธิการของสภาสหรัฐ แต่ยับยั้งไม่ได้ นายทานากะถูกศาลสั่งจำคุก 4 ปี เมื่อ 12 ตุลาคม 1983 เขาอุทธรณ์ ระหว่างอุทธรณ์ก็ตายเสียก่อน

เมื่อปี 1989 นายทาเคชิตะ เป็นหัวหน้าพรรค LDP ของญี่ปุ่นได้เสียงข้างมากในสภา จึงได้เป็นนายกรัฐมนตรี
การเป็นหัวหน้าพรรคต้อง "เลี้ยงดู" ส.ส.ลูกพรรค โดยแอบแฝงมาในการให้หัวหน้ากลุ่ม ได้รับสิทธิสัมปทานต่างๆ ของรัฐบาล แล้วไปแจกแก่ลูกพรรคอีกต่อหนึ่ง


ต่อมา บริษัท รีครู้ท ซึ่งอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ ได้ขายหุ้นให้แก่เลขาฯ ภรรยา ลูกนักการเมืองในราคาต่ำสุด และเมื่อราคาหุ้นสูงขึ้นก็ได้กำไร โดยไม่ต้องเสียภาษี เพราะอยู่ในตลาดหลักทรัพย์

กรรมาธิการพรรคสังคมนิยม ได้ตรวจพบวิธีการหาเงินให้ลูกพรรคของนายทาเคชิตะ จึงทำการสอบสวน

นายทาเคชิตะยอมรับผิด เขาแจ้งต่อกรรมาธิการว่า จะรีบออกกฎหมายเพื่อปฏิรูปนักการเมืองโดยเร็วต่อไป แต่กรรมาธิการไม่เชื่อ
ต่อมาเมื่อมีการวิพากษ์วิจารณ์โจมตีจากสื่อทั่วไป นายทาเคชิตะก็ละอายและได้ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เมื่อเดือนเมษายน ปี 1989


ประชาชนญี่ปุ่นเริ่มตื่นตัวและเห็นพ้องต้องกันว่า การซื้อเสียงเป็นความอัปยศของชาวญี่ปุ่นทั้งชาติ ต้องปฏิรูปนักการเมืองโดยด่วน

ต่อมามี ส.ส.หนุ่มกลุ่มหนึ่ง นำโดย ส.ส.ฮาตะ ได้ร่วมกันเสนอแก้ไขกฎหมายเลือกตั้งใหม่ และผ่านสภาได้เป็นผลสำเร็จ มีสาระสำคัญ ดังนี้

1.ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ต้องอายุ 20 ปีขึ้นไป เพราะถือว่าเป็นผู้มีภาวะเป็นผู้ใหญ่แล้ว

2.ห้ามแจกเงิน แจกของ หรือกระทำการใดๆ ที่ส่อไปในทางหาคะแนนนิยม โดยการเอาใจราษฎรในทางที่ผิดทำนองคลองธรรม ทั้งนี้ ทั้งเวลาก่อนเลือกตั้งและหลังเลือกตั้ง

3.โปสเตอร์มีได้ขนาดเดียว 42x42 ซม. และต้องไปปิดไว้ที่แผ่นป้ายของ กกต.เท่านั้น ปิดที่อื่นผิดกฎหมาย

4.การปราศรัยหาเสียง ให้ทำได้ในที่ชุมชนหรือห้องประชุม จะโฆษณาไปตามท้องถนนไม่ได้ผิดกฎหมาย

5.ระยะเวลาในการหาเสียง เลือก ส.ว./ผู้ว่าราชการจังหวัด ให้เวลา 17 วัน, นายกเทศมนตรี 14 วัน, ส.ส. 12 วัน ที่ให้เวลาน้อย เพราะเขาถือว่า คนดีนั้น เขาเป็นผู้ทำดีมาโดยตลอด ไม่ใช่ดีตอนหาเสียง

6.ให้มีศาลเลือกตั้ง คดีเลือกตั้ง เป็นคดีอาญา ยอมความไม่ได้

7.ผู้สมัครที่ทำผิดกฎหมายให้รวมถึงผู้เกี่ยวข้องด้วย เช่น ญาติพี่น้อง, เลขาฯ, ที่ปรึกษา (Joint reponsibility) ถูกลงโทษหมด แล้วแต่ใครเกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งมากน้อยเพียงใด ก็รับโทษเท่านั้น

8.ผู้ทำผิดกฎหมายเลือกตั้งต้อง "เข้าคุก" อย่างเดียวไม่มีการปรับ

โดยสรุป ขอเสนอดังนี้

1.ให้เปลี่ยนคำว่า ปฏิรูปการเมือง เป็น ปฏิรูปนักการเมือง

2.ให้แก้ไขกฎหมายเลือกตั้ง โดยด่วน โดยให้มีหลักสำคัญ 8 ประการ แบบญี่ปุ่นและให้ออกเป็นพระราชกำหนด


Saturday, July 22, 2006

"Why Women Have Breasts" And Other Fascinating Questions (As Explained By Evolutionary Psychology)

Evolutionary psychology is a theoretical approach to psychology that explains many mental traits as adaptations in the sense of evolutionary biology, as a product of natural or sexual selection. A good explanation in one short essay is here.

Although human beings have other ways (books, social customs, religions, etc.) besides using the genes to transmit information to the future generations, during most of our species's early history, the genes are the dominant form of passing on legacy. Therefore, it's useful to consider how evolution shapes our behaviors. We might actually understand something.

This page contains a lot of interesting, entertaining, and plausible explanations of why things are the way they are such as "Why women have breasts", "Why Women Pretend To Be Stupid", "Why We Can’t Find Lasting Happiness", "Why Placebos Work", "Why We Follow Fashion", "Why Pigeons Don't Know They're Alive", and "Why I Have No Free Will."

You might want to read one essay a day and try to find arguments for and against it.

Friday, July 21, 2006

A Microwave Weapon (Burn! Burn! Burn!)

It's only a matter of time before someone turns the microwave oven inside-out and focuses it on people.

I guess we can use aluminum foil or sheet metal to block it, or even use a reflector dish to bounce it to someone else.

...The Active Denial System (ADS) is a non-lethal, directed-energy weapon system under development by the U.S. military. It is a strong microwave transmitter."...

..."The ADS works by directing electromagnetic radiation at a frequency of 95 GHz toward the subjects. This frequency means the radiation is in the microwave region of the electromagnetic spectrum. In comparison, a standard microwave oven cooks food with about 2.4 GHz waves, so the ADS's radiation is more energetic, but much less prone to penetrate skin — the military says the effect "penetrates the skin to a depth of less than 1/64 of an inch." The focused beam can be directed at targets at a range of one kilometer...

...The energy in the waves turns to heat upon skin contact and immediately heats water molecules in the skin to around 55 C (130 degrees Fahrenheit), causing an intensely painful burning sensation. A spokesman for the Air Force Research Laboratory described his experience as a test subject for the system: "For the first millisecond, it just felt like the skin was warming up. Then it got warmer and warmer and you felt like it was on fire.... As soon as you're away from that beam your skin returns to normal and there is no pain."...

Wednesday, July 19, 2006

ทหารเป็นอาชีพที่ศักดิ์สิทธิ์

ถ้าไม่มีเกียรติ ศักดิ์ศรี สัจจะ จริยธรรม ก็ไม่ใช่ทหาร

ผมอ่าน
ข่าวนี้ ก็เบาใจลงบ้างว่าเรายังมีทหารที่เคียงข้างพระเจ้าอยู่หัวอยู่:

พล.ท.สพรั่ง กัลยาณมิตร แม่ทัพภาคที่ 3 ให้สัมภาษณ์ภายหลังเข้าพบนายมณฑล สงวนเสริมศรี อธิการบดีมหาวิทยาลัยนเรศวร จ.พิษณุโลก :

"กองทัพภาคที่ 3 ขอประกาศอยู่เคียงข้างพระเจ้าอยู่หัว ขออยู่ข้างคนดี จึงอยากให้นิสิตนักศึกษาอย่าตกเป็นเครื่องมือ อย่าเกรงกลัวอิทธิพลเพื่อความอยู่รอดของตนเองเท่านั้น ผมไม่เคยก้มหัวเพื่อแลกกับยศตำแหน่ง ไม่เคยขอผู้บังคับบัญชาเพื่อมานั่งในตำแหน่ง วันนี้จึงต้องทำให้บ้านเมืองเข้มแข็ง อย่างที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเคยมีพระราชดำรัสว่า อย่าปล่อยให้เรือจม" แม่ทัพภาคที่ 3 กล่าว

ต่อมา พล.อ.ศิริ ทิวะพันธุ์ อดีตแม่ทัพภาคที่ 3 เข้าพบ พล.ท.สพรั่ง ที่ค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช อ.เมือง จ.พิษณุโลก เพื่อสนับสนุนการแสดงจุดยืนของ พล.ท.สพรั่ง โดยกล่าวว่า บ้านเมืองวันนี้เข้าสู่วิกฤต มีโอกาสนำพาชาติไปถึงจุดล่มสลายไม่ต่างจากครั้งเสียกรุงศรีอยุธยา 2 ครั้ง และจะส่งผลให้นักลงทุนย้ายฐานการลงทุนไปยังจีน เวียดนาม และมาเลเซีย ทำให้ประเทศไทยถอยหลังไป 5 ปี ทั้งทหาร ตำรวจ พลเรือน ต้องแก้ปัญหาโดยเร็วก่อนประเทศจะเสียหายมากกว่านี้

"มีการสร้างความแตกแยกในหมู่ประชาชน บางกลุ่มต้องการทำให้ประชาชนแบ่งเป็นสองฝ่ายชัดเจน ต้องตัดวงจรอุบาทว์ให้หมด การที่แม่ทัพภาคที่ 3 แสดงจุดยืน ก็เพราะไม่ต้องการให้ประชาชนแตกแยก และส่งสัญญาณให้ประชาชนได้ทราบว่าทหารยืนอยู่เคียงข้างประชาชน ยึดมั่นในสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เป็นการแสดงออกถึงความกล้าหาญ สมกับเป็นชายชาติทหาร จึงขอสนับสนุนและให้กำลังใจ"

พล.อ.ศิริกล่าวว่า การแก้ไขปัญหานั้นคนไทยทุกคนต้องลุกขึ้นมาแก้ ไม่ใช่รอเป็นแค่พลังเงียบ ทำอย่างไรก็ได้ที่ให้ความอึมครึมหมดสิ้นไป ซึ่งอาจต้องล้างไพ่ใหม่หมด เพราะปัญหาต้องมีจุดจบ และต้องมีจุดเริ่มต้นใหม่ที่ดี อย่าทิ้งความหายนะให้แก่ประเทศชาติ


แม่ทัพภาคที่ 3 ยังบอกอีกว่า ประเทศไทย เป็นประชาธิปไตยแบบหลอกๆ การเมืองทำเพื่อให้ได้มาเพียงคำว่า ประชาธิปไตย วันนี้เสื้อเหลืองมีทั้งคนดีและคนเลวใส่ ยาแคปซูลที่ผลิตขึ้นมาไม่ได้คุณภาพ ยังไม่เท่ากับคนเลว ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าเกลียด และสิ่งที่เลวร้ายกว่านั้น คือ จิตใจมนุษย์ที่ขาดคุณธรรม คำสั่งที่คนรุ่นพ่อสั่งสอนมาว่า “ผู้ดีเดินตรอก ขี้คลอกเดินถนน” คนทำดี ทำไมต้องกลัว

ผมหวังว่าผมจะดูคนไม่ผิด

Monday, July 10, 2006

Pain Control For Fun & Profit

When I was a boy, I read from somewhere (probably ต่วยตูน or มิติที่ 4) that people can reduce their pain by visualizing it as a ball and imagining it to be smaller and smaller. It has been a useful tip for me over two decades. I found that I can often reduce my feeling of pain by imagining my pain as a silvery ball which is slowly getting smaller and smaller. I tried fuzzy, woolly ball and also black rubber balls, but silvery balls work best for me. Also, it helps to have some time to prepare for the pain; if the pain is sudden, I have to collect my thought for a few seconds before I can start working down the pain.

Well, there is a scientific experiment that confirms that I am not crazy after all.

... Mackey and his team used fMRI to scan the brains of two groups of subjects: eight chronic pain patients and 36 healthy people who received pain via a non-harmful heat stimulus to the palm. Using state-of-the-art software, the team was able to analyze the fMRI images at the exact moments when the subjects experienced pain.

The researchers located the area of each subject's brain that responded to pain, and then allowed the subject to observe activity in that area as it occurred. Each participant was asked to "cognitively modulate" the brain signal...

... Over the course of three sessions, the patients overwhelmingly learned how to successfully modulate the signal and manage both the intensity and unpleasantness of their pain.

So, how did they do it? The researchers aren't sure.

"The challenge in this is that most people had a real difficult time describing what they were finally doing," Mackey said. "We don't really have a vernacular, a way of describing how we control our brains. When you reach out to grab a pencil, you couldn't really describe how you reached out to grab that pencil." ...

Thursday, July 06, 2006

My Theory Is Confirmed By The CIA!

Right before the November 2004 election of the US President, Osama Bin-laden appeared in a videotape talking to the American people, denouncing George W. Bush, and urging the voters not to vote for Bush.

I read the news and turned to my friend Kwang and discussed with him about Bin-laden's intention.

We came up with these conclusions:

1. Bin-laden would like George Bush to win. A known, clumsy enemy, with a misguided policy is relatively safe for al-Qaeda and will harm the USA more than al-Qaeda could ever hope to accomplish.

2. Bush and Bin-laden are acting in a mutually beneficial manner by strengthening each other's power and influences.

Today, I read this article which states that the CIA had the same conclusions!

Some excerpts:

On Oct. 29, 2004, just four days before the U.S. presidential election, al-Qaeda leader Osama bin-Laden released a videotape denouncing George W. Bush. Some Bush supporters quickly spun the diatribe as “Osama’s endorsement of John Kerry.” But behind the walls of the CIA, analysts had concluded the opposite: that bin-Laden was trying to help Bush gain a second term...

...“At the five o’clock meeting, [deputy CIA director] John McLaughlin opened the issue with the consensus view: ‘Bin-Laden certainly did a nice favor today for the President.”
McLaughlin’s comment drew nods from CIA officers at the table. Jami Miscik, CIA deputy associate director for intelligence, suggested that the al-Qaeda founder may have come to Bush’s aid because bin-Laden felt threatened by the rise in Iraq of Jordanian terrorist Abu Musab al-Zarqawi; bin-Laden might have thought his leadership would be diminished if Bush lost the White House and their “eye-to-eye struggle” ended...


...After the 9/11 attacks, al-Qaeda’s gamble almost failed as the CIA, backed by U.S. Special Forces, ousted bin-Laden’s Taliban allies in Afghanistan and cornered much of the al-Qaeda leadership in the mountains of Tora Bora near the Pakistani border.
But instead of using U.S. ground troops to seal the border, Bush relied on the Pakistani army, which was known to have mixed sympathies about al-Qaeda. The Pakistani army moved its blocking force belatedly into position while bin-Laden and others from his inner circle escaped. Then, instead of staying focused on bin-Laden and his fellow fugitives, Bush moved on to other objectives. Bush shifted U.S. Special Forces away from bin-Laden and al-Qaeda and toward Saddam Hussein and Iraq...