Tuesday, August 12, 2008

อะไรเอ่ย ขี้โกง ขี้ขลาด และปากหมา

ไม่ใช่ผมนะครับเพราะผมแค่ขี้ขลาดกับปากหมา

ขอคัดลอกบทความคุณเปลวสีเงินที่โดนใจผมมาก ถ้ากดลิ้งค์เข้าไปยังมีบทความคุณเปลวอีกหลายอันนะครับ

เปลวสีเงิน
แถลงการณ์ "ซุกหางเห่า"ของทักษิณ

12 สิงหาคม 2551    กองบรรณาธิการ

อีกคน-ที่เป็นสามี มียศพระราชทานนำหน้าชื่อ เรียกกันว่า"พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร"ส่วนอีกคน-ที่เป็นภรรยา ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ถึงระดับตระกูลจุลจอมเกล้ามีคำว่า"คุณหญิง"นำหน้าชื่อ   เรียกกันว่า"คุณหญิงพจมาน ชินวัตร"

ทั้งสองคนนี้ อาศัยแผ่นดินไทยใต้พระบารมี"จักรีวงศ์"เกิด และอาศัยแผ่นดินนี้ทำมาหากินจนร่ำรวยเป็นผู้-เป็นคนที่มีหน้ามีตาสูงส่งระดับชาติ ได้รับสัมปทานธุรกิจผูกขาดจากรัฐจนมีเงินนับแสนล้าน    แล้วเอาทรัพยากรแผ่นดินของประเทศไป"ขาย"ให้ต่างชาติ ได้เงินมาเลี้ยงดูครอบครัว สมบูรณ์พูนสุขขึ้นอีกร่วมแสนล้าน! ไม่เพียงเท่านั้น ประชาชนคนไทยยังสนับสนุน"ผู้เป็นสามี"ให้เป็นสส.และเป็น นายกรัฐมนตรีของประเทศไทย   ส่วนภรรรยา   ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวถึงระดับชั้น"คุณหญิง"!

กระทั่งบริษัทการค้า"ชินคอร์ปอเรชั่น"ก็ยังได้รับพระราชทานตราตั้ง "พระครุฑพ่าห์"อันเป็นตราแผ่นดิน ให้ติดประดับงามสง่าอยู่หน้าตึกชินวัตร ๓ ถึงปัจจุบันนี้ ทั้งที่ขายให้"ต่างชาติ"ไปแล้ว! แต่ทั้งสองคนนี้  ระหว่างมีอำนาจรัฐ  พฤติกรรมที่ปรากฏต้องถูกตรวจสอบในข้อกล่าวหาทุจริตคอรัปชั่นหลายคดี ขณะนี้ องค์คณะใน"สถาบันศาลยุติธรรม""กำลังทำหน้าที่พิสูจน์"สุทธิ-อสุทธิ"ในการกระทำเพื่อประทานความเป็นธรรม ด้วยอำนาจ ภายใต้"พระปรมาภิไธย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว" และศาลท่านเมตตา ให้สองสามี-ภรรยาเดินทางไปร่วมพิธีเปิดโอลิมปิกที่เมืองจีนได้ตามที่ร้องขอ  โดยการประกันตัวด้วยหลักทรัพย์  และให้กลับมารายงานตัวต่อศาลในวันที่ ๑๑ สค.

แต่แล้ว...
เช้าวันที่  ๑๑ สิงหาคม ๒๕๕๑ ตามวัน-เวลาที่ให้คำสัตย์ต่อศาลไว้ว่าจะกลับมา คนชื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน กลับเขียน"คำแถลงการณ์"เป็นลายมือจากอังกฤษมาแทนตัวเอง ด้วย"เหิม-กระด้าง"ต่อกระบวนการบ้านเมือง ความว่า

แถลงการณ์  
เรื่องการไม่ไปรายงานตัวต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมือง

ก่อนอื่น กระผมต้องกราบขอประทานอภัยต่อคณะผู้พิพากษาที่ดินรัชดาฯ รวมถึงพี่น้องประชาชนผู้สนับสนุนผมทุกท่าน    ที่ผมและภรรยาได้เดินทางไปยังประเทศอังกฤษ   ซึ่งเป็นประเทศที่ยึดหลักการประชาธิปไตยเหนือสิ่งอื่นใด  และไม่ได้ไปรายงานตัวต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

สิ่งที่เกิดขึ้นกับผมและครอบครัว  พร้อมกับบุคคลผู้ใกล้ชิด เป็นผลพวงต่อเนื่องมาจากความต้องการขจัดผมออกจากการเมือง      ด้วยความพยายามลอบสังหาร นอกจากนี้  ยังตามมาด้วยการปฏิวัติรัฐประหาร แต่งตั้งคณะบุคคลที่เป็นปฏิปักษ์มาดำเนินคดีเฉพาะตัวผมและครอบครัว
ร่างรัฐธรรมนูญที่สืบทอดอำนาจเผด็จการ แต่งตั้งบุคคลที่สนับสนุนการปฏิวัติรัฐประหาร   ทั้งทางตรงและทางอ้อมเข้าไปเป็นกรรมการในองค์กรต่างๆเพื่อดำเนินการกับผม

เมื่อมีการเลือกตั้งในวันที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๕๐ ประชาชนส่วนใหญ่ยังคงเลือกพรรคพลังประชาชนที่มีผู้สมัครส่วนมากมาจากพรรคไทยรักไทยเดิมให้กลับคืนมาทำหน้าที่แทนของพวกเขา  ผมคิดว่าเหตุการณ์คงจะดีขึ้น ผมคงมีโอกาสได้กลับไปพิสูจน์ความบริสุทธิ์  และได้รับความเป็นธรรม  จึงได้เดินทางกลับมาประเทศไทยเมื่อวันที่  ๒๘  กุมภาพันธ์ ๒๕๕๑ แต่เหตุการณ์กลับยิ่งเลวร้ายลง เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวผมและครอบครัวเป็นเสมือนผลไม้ที่เกิดจากต้นไม้ที่เป็นพิษ   ผลของมันก็ย่อมเป็นพิษตามไปด้วย นั่นก็คือยังคงมีการสืบทอดระบอบเผด็จการในการจัดการการเมืองไทยในระบอบประชาธิปไตย  ตามมาด้วยการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม โดยเอาผลลัพธ์ที่อยากจะได้เป็นตัวตั้งเพื่อจัดการกับผมและครอบครัว     ซึ่งบุคคลกลุ่มนี้ถือว่าเป็นสัตรูทางการเมือง โดยไม่คำนึงถึงระบบกฎหมาย ระบบข้อเท็จจริงและการสอบสวนดำเนินคดีตามหลักนิติธรรมสากล ไม่ว่าจะเป็นกฎหมายว่าด้วยพยานหลักฐาน การบังคับใช้กฎหมายที่เป็นผลย้อนหลัง   ไม่ยอมใช้หลักนิติธรรม  และหลักนิติรัฐ  ผมและครอบครัวได้ถูกดำเนินการอย่างไม่เป็นธรรมเช่นนี้อย่างต่อเนื่อง

การแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม   และการใช้ระบบ   ๒   มาตรฐานที่เห็นได้อย่างชัดเจน  ทำให้ผมและครอบครัว พร้อมด้วยผู้ที่เกี่ยวข้องได้รับความเป็นธรรม   แต่ยังเทียบไม่ได้กับการที่ระบบยุติธรรมของประเทศและองค์กรที่เกี่ยวข้อง ที่มีเกียรติ  มีความน่าเชื่อถือ  สั่งสมมาเป็นเวลานานต้องเสื่อมลง เพราะถูกนำมาใช้ทางการเมืองจนขาดความเป็นกลาง   ซึ่งเป็นผลเสียหายต่อประเทศอย่างใหญ่หลวง

นอกจากนี้ ผมได้รับข่าวสารตลอดว่า ชีวิตของกระผมไม่ปลอดภัยในการเดินทางไปไหนมาไหน  จึงต้องใช้รถกันกระสุน นี่คือผลที่ได้รับจากการเข้ามาทำงานรับใช้ประเทศ  ราชบัลลังก์  และประชาชน ด้วยความทุ่มเททำงานอย่างหนักมาตลอด เกือบ  ๖ ปีที่ทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี ผมจึงต้องขออภัยอีกครั้งหนึ่ง ที่ต้องตัดสินใจมาอยู่ที่ประเทศอังกฤษ และขอยืนยันว่า

ด้วยความเคารพรัก
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร

ครับ..นี่คือทองคำเคลือบหน้ากากโจร  คนที่ประกาศรับรองตัวเองว่า"ผมไม่ได้เลว"แต่กลับเขียนแถลงการณ์"ด่า-ประณาม"บ้านเมืองตัวเอง โดยยึดเอาสิ่งที่ตัวเองและครอบครัว"เสียประโยชน์"ว่า ไม่เป็นธรรม  ถูกใส่ร้าย

คนประเภทนี้...
เป็นคนดีสมบูรณ์แบบ หรือเป็นคนระยำสมบูรณ์แบบ เชิญตรอง?

พ.ต.ท.ทักษิณ  ยก"ผลร้าย"ที่เกิดกับตัวเองฟ้องสังคมโลก แต่พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่บอกกับสังคมโลกว่า ผลร้ายนั้นมาจาก"เหตุระยำ"อันใด?

ทำไมไม่ยก"เหตุ"ที่ทำให้เกิดการปฏิวัติรัฐประหารขึ้นมาบอกชาวโลกเขาชัดๆด้วยล่ะว่า  เพราะไอ้นักการเมืองระยำบางคน  มันใช้ประชาธิปไตยสุมหัวกันเผด็จการ"ปล้นบ้าน-กินเมือง" ประชาชนพึ่งอำนาจในระบบรัฐสภาไม่ได้  แต่เพื่อรักษาสถาบันและประโยชน์ชาติเอาไว้ การปฏิวัติรัฐประหารเพียงรูปแบบ แต่ปฏิบัติการเป็นประชาธิปไตยจนถูกเรียกหาว่า"ปฏิวัติหน่อมแน้ม"จำต้องเกิดขึ้นเพื่อหยุดยั้งเหตุชั่วเฉพาะหน้า   จากบรรดาประชาธิปไตยจอมปลอมที่กำลัง"ปล้นชาติ-กินเมือง"!

พ.ต.ท.ทักษิณเขียนแถลงการณ์ด้วยการนำ"ผล"มาอ้าง  โดยไม่ยอมนำ"เหตุ"มาบอกให้ครบ   จึงน่าละอายนัก  ที่เปรียบเทียบไว้เองว่า"ผมและครอบครัวเป็นเสมือนผลไม้ที่เกิดจากต้นไม้ที่เป็นพิษ ผลของมันก็ย่อมเป็นพิษตามไปด้วย"


"...การที่ระบบยุติธรรมของประเทศและองค์กรที่เกี่ยวข้อง  ที่มีเกียรติ  มีความน่าเชื่อถือ สั่งสมมาเป็นเวลานานต้องเสื่อมลง เพราะถูกนำมาใช้ทางการเมืองจนขาดความเป็นกลาง" นั่นคืออะไร  พ.ต.ท.ทักษิณอยากพูด  ก็ควรพูดให้ชัด และที่แถลงการณ์ว่า"ชีวิตของกระผมไม่ปลอดภัยในการเดินทางไปไหนมาไหนจึงต้องใช้รถกันกระสุน  นี่คือผลที่ได้รับจากการเข้ามาทำงานรับใช้ประเทศชาติ   ราชบัลลังก์   และประชาชน ด้วยความทุ่มเททำงานอย่างหนักมาตลอด..."  คนที่กล้ายก"ประเทศชาติ  ราชบัลลังก์  และประชาชน"ขึ้นมาเอ่ยอ้างในทำนองเป็น"หนี้บุญคุณ"ตัวเองเช่นนี้  ผมสรุปได้คำเดียวว่า นอกจากหยาบช้า สามานย์แล้วยัง บัดซบสิ้นดี!

อ้างกระบวนการยุติธรรมถูกแทรกแซง  ๒ มาตรฐาน ๒ ระบบ ผมจะไม่ยกเหตุมาแย้ง แต่ขอถามว่า ในยุคทักษิณใช่มั๊ย ก็ใครล่ะ..ไปแทรกแซงศาลรัฐธรรมนูญในคดีซุกหุ้น และทนายของใครล่ะ  เอาห่อขนม  ๒  ล้านบาทไปให้เจ้าหน้าที่ศาล จนติดคุกอยู่เวลานี้ ๓ คน ?

ทนายในคดีของพ.ต.ท.ทักษิณ-พจมานใช่มั๊ย?

และนี่คือสิ่งยืนยันว่า"กระบวนการยุติธรรม"ถูกแทรกแซง ซื้อได้ หรือไม่ได้ ตามแถลงการณ์กล่าวหาระบบ-ระบอบของบ้านเมืองตัวเอง และว่ากระบวนการยุติธรรมไม่เป็นธรรม ผมก็เห็นพ.ต.ท.ทักษิณกับคณะนี่แหละ ขอพึ่งความเป็นธรรมจากกระบวนการศาลมากที่สุด ถึงวันนี้ ก็ยังฟ้องคนอื่นต่อศาลไม่เว่นวาย!

คุณสมบัติคนเป็นผู้นำนั้น   กล้าทำ  ต้องกล้ารับ  ต้องเคารพ"กฎ-กติกาบ้านเมือง"ให้เป็นแบบอย่าง    หนี-แล้วอ้างว่า"ลี้ภัย"   ถุยยย..น่าละอาย   ก็ขณะนี้นั่งเหนือรัฐบาลใช่มั๊ย?  มันมีภัยที่ไหนให้ลี้ มันหนีโทษ"อาญาแผ่นดิน"ตะหาก สุนัข-มันยังไม่ทิ้งฝูงยามมีภัย    เป็นคน-อยากจะเป็นใหญ่    แต่มีอะไรก็หนีเอาตัวรอด แบบนี้"วันของผม"ก็คือ  วันที่มีคุณค่าเพื่อการนำ"ไม่เหนือกว่า"สุนัขตัวไหน  ใครจะอดทนรอ..ก็เชิญ

No comments: